"
Face Oil หรือน้ำมันบำรุงผิว ถือกำเนิดขึ้นในยุคสมัยอียิปต์โบราณ โดยนำมาทาผิวเพื่อปกป้องผิวจากแสงแดด และช่วยเคลือบผิวเพื่อป้องกันริ้วรอยเหี่ยวย่น บำรุงให้ผิวเนียนใส แพทย์ผิวหนังชั้นนำของโลกยังเห็นตรงกันว่าน้ำมันบำรุงผิว (Face Oil) เป็นหนึ่งในสกินแคร์ที่สำคัญที่สุดชิ้นหนึ่งที่ให้ประโยชน์กับผิวอย่างแท้จริง
Face Oil อุดมไปด้วยวิตามินแร่ธาตุและสารต้านอนุมูลอิสระชั้นสูงที่ได้มาจากธรรมชาติ ในน้ำมันสกัดเหล่านี้อุดมไปด้วยสารอาหารผิวอย่างเต็มเปี่ยม
น้ำมันหลายชนิดมีคุณสมบัติใกล้เคียงกับน้ำมันธรรมชาติในผิวของเรา จึงช่วยรักษาสมดุลผิวตามธรรมชาติได้เป็นอย่างดี อีกทั้งยังมีสารอาหารแร่ธาตุ และวิตามินบำรุงผิวมากมาย ช่วยเสริมสร้างคอลลาเจนให้ผิวกระชับ กระจ่างใส ลดปัญหาผิวในด้านต่างๆ พร้อมปกป้องผิวจากมลภาวะต่างๆ ได้ไปในตัว
แต่การจะเลือกใช้ Face Oil นั้น ก็จำเป็นที่จะต้องเลือกสรรชนิดที่เข้ากับสภาพผิวของเราด้วยนะคะ เพราะถ้าหากเราเลือกใช้น้ำมันผิดชนิด น้ำมันที่เราคิดว่าดี ก็อาจจะส่งผลร้ายกับผิวเราก็ได้นะคะ
น้ำมันแต่ละชนิด เพื่อผิวแต่ละประเภท ไปทำความรู้จักกับชนิดของน้ำมันบำรุงผิวกันดีกว่า
Marula oil
น้ำมันที่ถูกสกัดมาจากผลของต้นมารูล่าที่พบได้ในทวีปแอฟริกา เป็นน้ำมันชนิด non-comedogenic หรือผลิตภัณฑ์ที่ไม่มีส่วนผสมที่ทำให้เกิดภาวะรูขุมขนอุดตัน อัดแน่นไปด้วยสารอาหารหลายชนิด ทั้งกรดโอเลอิกและกรดลิโนเลอิก ที่มีคุณสมบัติช่วยฟื้นบำรุงผิวให้นุ่มชุ่มชื่น นอกจากนี้ยังเป็นแหล่งรวมของวิตามินซีและอีที่ช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระ ฟื้นบำรุงผิวให้อิ่มฟูและชุ่มชื่นยังมีคุณสมบัติช่วยปลอบประโลมผิวที่ช่วยลดอาการระคายเคือง และอาการผิวแดงได้ด้วย
Rosehip oil
น้ำมันที่ได้จากการสกัดผลของโรสฮิป เป็นผลไม้ท้องถิ่นที่นิยมในแถบเมดิเตอร์เรเนียน อุดมไปด้วยวิตามิน A, B1, B2, B3, K, C, E และ Anthocyanin อัดแน่นไปด้วยอาหารผิว ช่วยฟื้นฟูและซ่อมแซมผิวหนัง กระตุ้นกระบวนการผลิตคอลลาเจน และความยืดหยุ่นของผิว ไม่ก่อให้เกิดการอุดตันของรูขุมขน และยังช่วยยับยั้งแบคทีเรียที่เป็นสาเหตุของสิวได้อีกด้วย ให้ผิวดูกระจ่างใส และสม่ำเสมอขึ้น เติมความชุ่มชื้นให้แก่ผิวได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพราะมี Linoleic Acid และกรดไขมันที่จำเป็นอีกหลายชนิด ทั้งยังช่วยล็อกความชุ่มชื้นและซึมเข้าสู่ผิวได้ง่าย
Grape Seed Oil
ในเมล็ดองุ่นมีสาร Oligomeric Procyanidins (OPC’s) เป็นสารที่จัดอยู่ในกลุ่ม โอฟลาโวนอยด์ เป็นสารต้านอนุมูลอิสระประสิทธิภาพสูง มีคุณสมบัติช่วยปกป้องผิวจากสภาพแวดล้อม ฝุ่นละออง สิ่งสกปรก รังสียูวีจากแสงแดดช่วยเพิ่มความยืดหยุ่น และชะลอการเกิดริ้วรอยแห่งวัยกระตุ้นการผลัดเซลล์ผิวที่ตายแล้ว และยังช่วยกักเก็บความชุ่มชื้นให้แก่ผิว ผิวพรรณจึงแลดูอิ่มน้ำ ไม่แห้งกร้าน
Jojoba Oil
สารสกัดจากเมล็ดของต้นโจโจ้บามีลักษณะคล้ายน้ำมันของผิวมนุษย์เราที่สุด มีคุณสมบัติเป็น Collagen ชนิดเดียวกับผิว ช่วยขจัดน้ำมันบนใบหน้าและสิวเสี้ยน ช่วยลดรอยแผลเป็นให้จางลง ไม่ก่อให้เกิดปฏิกิริยาออกซิเดชั่นกับออกซิเจนในอากาศ จึงไม่มีกลิ่นเหม็นหืน และยังช่วยบำรุงให้ผิวชุ่มชื่น ช่วยโอบอุ้มน้ำใต้ผิวเปรียบเสมือนการสร้างเกราะป้องกันธรรมชาติให้ผิว และมีสารกันแดด spf 4
Argan Oil
น้ำมันที่ได้จากผลอาร์แกน พบได้ในในประเทศโมร็อกโก มีสารอาหารที่มีประโยชน์ และกรดไขมันจำเป็นหลายชนิด รวมถึง Linoleic acid หรือ โอเมก้า-6 ที่เป็นส่วนประกอบที่สำคัญของเซลล์ผิวที่มีสุขภาพดี รักษาความยืดหยุ่นของผิว ป้องกันไม่ให้ผิวแห้ง และสูญเสียความชุ่มชื้น ชะลอการเกิดริ้วรอย ช่วยลดการอักเสบของผิว รักษาสิว เพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิว และช่วยให้สกินแคร์ตัวอื่นๆ ซึมเข้าสู่ผิวได้ดียิ่งขึ้น ทำให้ผิวได้รับการบำรุงอย่างเต็มที่
Tea Tree Oil
น้ำมันที่ได้จากการสกัดใบของต้นไม้พื้นเมืองประเทศออสเตรเลีย มีส่วนประกอบเป็นสารหลายชนิด หนึ่งในนั้น คือ สาร Terpinen-4-ol มีฤทธิ์ยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อโรค และฆ่าเชื้อชนิดต่างๆ ที่ทำให้การเกิดสิวลดลง ลดอาการแดง ผื่นคัน และลดการอักเสบของผิวหนังที่เกิดรอยไหม้จาก แสงแดด รักษาบาดแผลโดยช่วยให้แผลฟื้นตัวเร็วขึ้น ควบคุมความมันบนใบหน้า กระชับรูขุมขน เพื่อลดปัญหาการเกิดสิวตามมาทีหลัง
Olive Oil
น้ำมันธรรมชาติที่เกิดจากการนำเอาผลแก่ของต้นมะกอกมาสกัด อุดมไปด้วยไขมันอิ่มตัวโอเมก้า-6 และกรดไขมันโอเมก้า 3 วิตามิน E และ K ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระซึ่งช่วยปกป้องผิวจากปัจจัยภายนอก เช่น แสงแดด สายลม ซึ่งทำร้ายผิวของเรา ช่วยให้ผิวมีสุขภาพดี รักษาผิวหนังจากสิวอักเสบ และช่วยให้ผิวนุ่มชุ่มชื่นได้นาน
Sunflower Oil
น้ำมันดอกทานตะวันอุดมไปด้วย วิตามิน E ที่สูงมาก ช่วยกำจัดอนุมูลอิสระทำให้ผิวหนังดูอ่อนเยาว์ นอกจากนั้นยังมีส่วนผสมของกรดไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดียว (MUFA) และ กรดไขมันไม่อิ่มตัวเชิงซ้อน (PUFA) ที่สูงมากช่วยบำรุงผิวแห้งเสีย ป้องกันริ้วรอยก่อนวัย
Moringa Oil
น้ำมันมะรุมอุดมไปด้วย วิตามิน E ทั้ง 3 ชนิด ได้แก่ ?-tocopherol, ?-tocopherol และ ?-tocopherol และสารประเภทฟลาโวนอยด์ ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิว อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ (antioxidants) และ โอเมก้า-9 fatty acids ซึ่งสามารถช่วยป้องกันการเกิดริ้วรอยจากวัย และทำให้ผิวเนียนนุ่มมีความชุ่มชื้น
Coconut Oil
น้ำมันที่มาจากเนื้อของมะพร้าว วิตามิน E สูงที่มีฤทธิ์ช่วยในการยกกระชับผิวให้ดูอ่อนเยาว์ สามารถลดรอยหมองคล้ำ ลดการเกิดริ้วรอย ช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระ รักษาความชุ่มชื้น รักษาอาการผิวแห้ง แตก ลอก เป็นขุย ลดอาการผื่นแพ้ แสบคันตามผิวหนัง ช่วยให้ผิวนวลเนียน อีกทั้งช่วยปกป้องผิวจากแสงแดด
ผิวแพ้ง่าย
ควรเลือกน้ำมันที่อ่อนโยนกับผิว แต่ยังคงมอบคุณค่าการบำรุงผิวได้ดี
✔Sea Buckthorn Oil
✔Squalane Oil
ผิวแห้ง ขาดน้ำ มีริ้วรอย
ควรเลือกน้ำมันที่มีวิตามินอีสูง กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนลดความแห้งกร้าน และทำให้ผิวชุ่มชื้นได้อย่างยาวนาน
✔Argan Oil
✔Rosehip oil
✔Olive Oil
✔Coconut Oil
ผิวหมองคล้ำ กร้านแดด
ควรเลือกน้ำมันที่มีค่า Spf สูง วิตามินซีสูงมีสารต้านอนุมูลอิสระสูง
✔Moringa Oil
✔Coconut Oil
ผิวมัน เป็นสิว รูขุมขนกว้าง
ควรเลือกน้ำมันที่มีเนื้อที่บางเบา มีความสามารถในการฆ่าเชื้อแบคทีเรียได้
✔Grape Seed Oil
✔Jojoba Oil
✔Moringa Oil
ผิวอุดตันง่าย มีสิวเสี้ยน
ควรเลือกน้ำมันที่ไม่มีค่าอุดตัน น้ำมันที่มีคุณสมบัติช่วยดึงสิวอุดตัน และทำความสะอาดรูขุมขนได้ดี
✔Sunflower Oil
✔Argan Oil
✔Jojoba Oil
ผิวแตกลาย มีหลุมสิว
ควรเลือกน้ำมันที่ช่วยส่งเสริมในการสร้างเนื้อเยื้อและช่วยให้แผลตื้นขึ้น
✔Argan Oil
✔Rosehip oil
✔Grape Seed Oil
"