"
อุตสาหกรรมสกินแคร์มาแรงขึ้นเรื่อยๆ และมีมูลค่ากว่า 500,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปี อุตสาหกรรมนี้ใช้ “พลาสติก” เป็นหลัก และส่วนมากรีไซเคิลไม่ได้ เรามาถึงจุดนี้กันได้ยังไง?
ในอดีต
สกินแคร์ไม่ได้มาในบรรจุภัณฑ์พลาสติก สบู่ก้อนไม่มีอะไรห่อหุ้ม น้ำหอมมาในขวดแก้วสุดหรู ครีมจัดแต่งทรงผมมาในกระป๋องหรือขวดโหล
1920s หลังสงครามโลกครั้งที่ 1
ในช่วงสงคราม กองทัพมีความเข้มงวดในเรื่องการรักษาความสะอาด เพื่อป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อโรค เมื่อทหารได้กลับบ้านมาก็ติดนิสัยรักสะอาดนี้มาด้วย ทั้งการล้างหน้า โกนหนวด แปรงฟัน จนเกิดเป็นอุตสาหกรรมสกินแคร์ขึ้นมา!
ขณะเดียวกัน สกินแคร์สำหรับผู้หญิงอย่างครีมบำรุงผิวหน้าและเครื่องสำอาง ก็ดังเป็นพลุแตกควบคู่ไปกับความเจริญรุ่งเรืองของหนังฮอลลีวูด
1939-1945 ระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 2
“ลิปสติก” กลายเป็นของจำเป็นที่ต้องมี เป็นองค์ประกอบที่สำคัญของวัฒนธรรมและการสร้างขวัญกำลังใจ
กลางศตวรรษที่ 20 (หลังสงครามโลกครั้งที่ 2)
ด้วยความเบา ยืดหยุ่น และทนทานของพลาสติก อุตสาหกรรมสกินแคร์และอุตสาหกรรมอื่นๆ จึงใช้พลาสติกกันอย่างแพร่หลาย สามารถขึ้นรูปเป็นบรรจุภัณฑ์ได้หลายรูปแบบ ขนส่งได้ง่ายขึ้นและไกลขึ้นกว่าการใช้แก้ว
2020 ปัจจุบัน
กว่า 70% ของบรรจุภัณฑ์สกินแคร์ที่เป็นพลาสติก ไม่สามารถรีไซเคิลได้ และในปี 2018 ที่ผ่านมา บรรจุภัณฑ์พลาสติกได้รับการผลิตกว่า 120,000 ล้านชิ้นทั่วโลก แล้วขยะจากขวดสกินแคร์เหล่านี้ก็อยู่ถูกฝังกลบอยู่รอเวลาอีกหลายร้อยปีกว่าจะย่อยสลายไปจากโลกของเรา
2025 และในอนาคต
หลายแบรนด์พยายามที่จะลดการใช้พลาสติกลง และเปลี่ยนมาใช้บรรจุภัณฑ์ที่สามารถใช้ซ้ำ เติมใหม่ได้ และย่อยสลายได้แบบ 100% เรามารอติดตามกันนะคะว่าขยะจากสกินแคร์จะลดลงได้ในอนาคตอันใกล้นี้หรือไม่
อ้างอิงจาก https://www.nationalgeographic.com/environment/2019/04/beauty-personal-care-industry-plastic/, https://www.forbes.com/sites/kaleighmoore/2019/06/11/new-ways-the-beauty-industry-is-testing--sustainable-practices/#5cd71340eb55
"