ในยุคที่เทคโนโลยีและอุตสาหกรรมก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว ปฏิเสธไม่ได้ว่าอุตสาหกรรมส่งผลต่อสิ่งแวดล้อมและชีวิต ปัจจุบันผู้บริโภคทั่วโลกเริ่มตระหนักรู้ถึงผลกระทบที่ตามมา ไม่ว่าจะเป็นปัญหาสุขภาพที่ซับซ้อนขึ้น หรือปัญหาสิ่งแวดล้อมที่ทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ท่ามกลางกระแสความเปลี่ยนแปลงนี้ "ผลิตภัณฑ์ออร์แกนิก" กลายเป็นทางเลือกที่ได้รับความนิยมมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง

        ทำไมผู้คนถึงหันมาสนใจผลิตภัณฑ์ออร์แกนิก? คำตอบนั้นซับซ้อนและมีหลายปัจจัยที่เกี่ยวข้อง แต่หัวใจสำคัญอยู่ที่ความต้องการที่จะมีชีวิตที่ยั่งยืนและมีสุขภาพที่ดีขึ้น สารพัดมลภาวะที่เป็นพิษ ยากที่จะหลีกเลี่ยง แต่สิ่งที่เราควบคุมได้คือการลดสัมผัสสารเคมี ที่มีอยู่ในสกินแคร์ เครื่องสำอาง และผลิตภัณฑ์ที่เราใช้ในชีวิตประจำวัน จึงเป็นที่มาของการปรับเปลี่ยนมายด์เซ็ตพร้อมกับค่านิยมที่หันมาใช้สิ่งของที่ไม่มีสาร Toxic วันนี้จะพาทุกคนมาลิสต์ สารเคมีที่พบเจอบ่อยๆ และส่งผลกระทบต่อผิวและคุณภาพชีวิตกันค่ะ

Road to Non-toxic lifestyle

แบล็คลิสต์ 10 สารเคมีที่ควรหลีกเลี่ยง

        ในชีวิตประจำวัน เรามักจะเจอสารเคมีในรูปแบบ สกินแคร์ บอดี้แคร์ และผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดต่างๆ สารเคมีที่เรามักพบและสัมผัสบ่อยๆ มีอะไรบ้าง

1. สารปรอท (Mercury) พบมากในเครื่องสำอางและสกินแคร์ประเภทที่ช่วยทำให้ผิวหน้าขาวใส ช่วยปรับให้สีผิวขาวขึ้นไว ลดฝ้า กระ และลดสิวได้อย่างรวดเร็ว เครื่องสำอางและสกินแคร์ที่มีคุณสมบัติประเภทนี้ร้อยละ 20% จะมีส่วนผสมของสารปรอทสูง ซึ่งเป็นอันตรายต่อผิว สารปรอทถือเป็นสารต้องห้าม ห้ามใช้ในผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางและสกินแคร์ตามประกาศของกระทรวงสาธารณสุข หากต้องการให้ผิวขาวใส แล้วฝืนใช้ หรือไม่สังเกตว่าผลิตภัณฑ์นั้นๆ มีส่วนผสมของสารปรอท หากหยุดใช้ผิวจะคล้ำลงกว่าเดิมจนเป็นสีดำอมเทา อาจเกิดอาการแพ้ เกิดฝ้ากระถาวร ผิวบางลง และหากใช้ต่อเนื่องเป็นเวลานาน สารปรอทอาจซึมเข้าสู่กระแสเลือด ทำลายตับและไต ก่อให้เกิดโรคโลหิตจาง และทำลายระบบประสาทส่วนกลาง หากผู้ใช้เป็นสตรีตั้งครรภ์ สารปรอทจะถูกส่งไปสู่ทารก ทำให้เด็กที่เกิดมามีภาวะพิการทางสมองได้

2. สารสเตียรอยด์ (Steroids) แม้ว่าจะเป็นสารอันตรายที่ห้ามใส่ในเครื่องสำอางและสกินแคร์ แต่ก็สามารถพบได้บ่อยในผลิตภัณฑ์ที่เน้นให้ผิวหน้าดูขาวใสขึ้นอย่างรวดเร็ว ช่วยให้สิวหายไว การใช้สารสเตียรอยด์ในความเข้มข้นที่สูง ใช้ผิดวิธี หรือใช้ต่อเนื่องเป็นเวลายาวนานอาจสร้างให้เกิดผลข้างเคียงกับร่างกายทั้งภายนอกและภายใน เช่น มีผดผื่นขึ้นได้ง่าย เมื่อหยุดใช้สิวจะเห่อขึ้นมามากกว่าเดิม ผิวแตกลายเป็นรอยแดง หากมีการใช้งานในผู้ป่วยเบาหวานอาจทำให้ไม่สามารถควบคุมน้ำตาลในเลือดได้ รวมทั้งไปกดภูมิคุ้มกันโรคจนทำให้ร่างกายอ่อนแอลง

3. กรดกำมะถัน หรือกรดซัลฟูริก (Sulfuric Acid)  พบได้ทั้งรูปแบบของเหลวที่ข้นหนืดคล้ายน้ำมัน ก๊าซ และของแข็ง สารเคมีในชีวิตประจำวันชนิดนี้มีปฎิกิริยาทางเคมีที่รุนแรงเมื่อสัมผัสกับน้ำและมีฤทธิ์กัดกร่อนเป็นอันตราย กรดกำมะถันพบได้ในแบตเตอรี่รถยนต์ ผงซักฟอก น้ำยาซักผ้า น้ำยาล้างห้องน้ำ และปุ๋ยบางชนิด

4. ไฮโดรควิโนน (Hydroquinone) เป็นสารเคมีที่นิยมนำมาเป็นส่วนผสมในครีมหน้าขาว เพราะมีคุณสมบัติในการยับยั้งกระบวนการการสร้างเม็ดสีของผิวหนัง หรือที่เรียกว่าเมลานิน (Melanin) การใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของไฮโดรควิโนนจึงอาจช่วยให้รอยสิว ฝ้า และจุดด่างดำจางลง และทำให้สีผิวสม่ำเสมอยิ่งขึ้น แต่หากใช้โดยไม่ระวังหรือใช้ในปริมาณที่มากไป อาจเป็นอันตรายต่อผิวได้ เช่น ผิวหนังเกิดเป็นแผลพุพอง แผลเปื่อย มีอาการคัน หรือผิวเปลี่ยนเป็นสีม่วงคล้ำ หากมีอาการเหล่านี้ควรหยุดใช้ยาหรือพบแพทย์ทันที ดังนั้นควรเลือกใช้แบรนด์ที่ได้รับมาตรฐานและใช้ในปริมาณที่พอเหมาะ

5. สารโซเดียมซัลเฟต (Sodium Lauryl Sulphate) ปฏิเสธไม่ได้ว่าสารตัวนี้จะประกอบอยู่ในผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดร่างกาย ในชีวิตประจำวัน อาทิ สบู่ ยาสีฟัน และแชมพูสระผม ซึ่งจริงๆ มีหลากหลายแบรนด์ที่ทำผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนประกอบของ SLS และ SLES สามารถทำให้ผิวของเราแห้งและระคายเคืองได้ทั้งคู่ เนื่องจากคุณสมบัติของสารเหล่านี้คือช่วยทำลายไขมัน ดังนั้นมันก็จะสามารถไปทำลายไขมันบนชั้นป้องกันของผิวหนัง และทำให้ผิวของเราเสียความชุ่มชื้น ในกรณีที่ผิวบอบบางระคายเคืองง่าย มักจะไวต่อสารดังกล่าว ส่งผลให้เกิดอาการแสบคัน เป็นสิวอุดตัน และผิวอักเสบได้ การหันมาใช้ผลิตภัณฑ์ที่ปลอดสาร SLS และ SLES ก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ดีสำหรับคนผิวแพ้ง่าย

6. สารพาราเบน (Paraben) เป็นสารกันเสีย (Preservative) ชนิดหนึ่ง ที่มีการใช้อย่างกว้างขวางและแพร่หลายในผลิตภัณฑ์เครื่องสำอาง สกินแคร์ โรลออนระงับกลิ่นกาย แชมพูสระผม และครีมนวดผม มีประสิทธิภาพสูงในการยับยั้งเชื้อรา และแบคทีเรียต่างๆ ไม่ให้เจริญเติบโตในผลิตภัณฑ์ สารในกลุ่มพาราเบนที่นิยมใช้กันบ่อยๆ คือ Methylparaben, Ethylparaben, Propylparaben, Butylparaben และ Isobutylparaben สารพาราเบนช่วยยับยั้งสิ่งสกปรกได้ดี แต่อาจทำให้เกิดการสะสมของสารภายในร่างกาย และซึมเข้าสู่กระแสเลือดได้อย่างรวดเร็ว ในปัจจุบันยังมีข้อสงสัยว่าสารพาราเบนอาจสามารถกระตุ้นให้เกิดการเป็นมะเร็งเต้านม รวมทั้งอาจทำเกิดอาการแพ้ และระคายเคืองในคนที่แพ้สารนี้อีกด้วย เรียกได้ว่ามีทั้งข้อดีและข้อเสีย แต่หากหลีกเลี่ยงได้ เชื่อว่าจะลดการสะสมของสารเคมีในร่างกายได้ ทำให้เรามีสุขภาพที่ดีได้ในระยะยาว

7. น้ำหอม(fragrance) ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวต่างๆ มักจะประกอบด้วยสารเคมีหลากหลายชนิด ผู้ผลิตจึงนิยมผสมน้ำหอม เพื่อให้มีกลิ่นหอมน่าใช้ แต่สารแต่งกลิ่นมีผลร้ายต่อผิวโดยเฉพาะกับผิวหน้ามากกว่าที่คิด ดังนั้นน้ำหอมจึงเป็นหนึ่งในสาเหตุหลักๆ ของอาการแพ้เครื่องสำอาง ที่พบได้บ่อยครั้ง การแพ้น้ำหอมเกิดได้จากหลายสาเหตุ เช่น แพ้แอลกอฮอล์ซึ่งเป็นตัวช่วยระเหยน้ำมันหอม หรือแพ้สารสังเคราะห์ที่ทำให้เกิดกลิ่นหอม สารเหล่านี้มักจะทำให้เกิดผื่นแพ้ได้ เป็นสาเหตุของสิวอักเสบตามมา อีกทั้งอาจทำให้ผิวยิ่งดำคล้ำเสียเนื่องจากอาการแพ้ได้ เพราะเมื่อผิวมีอาการอักเสบเพราะการแพ้ และมาเจอกับแสงแดดบริเวณนั้นๆ ก็จะยิ่งดำคล้ำเสียได้ง่ายขึ้นอีกด้วย

8. แป้งทัลคัม (Talcum) คือแป้งที่มีส่วนผสมของทัลคัม พบมากในสายเมคอัพ ที่พบมากที่สุดคือแป้งฝุ่น อายแชโดว์ และผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดจุดซ่อนเร้น หากสูดดมเข้าสู่ร่างกาย สามารถทำให้เกิดโรคปอด มะเร็งปอด และมะเร็งต่อมหมวกไตชนิดหายาก และมีโอกาสเกิดโรคมะเร็งรังไข่ถึง 30–60% ในกลุ่มของผู้ที่ใช้แป้งฝุ่นทาตัวที่ผสม Mineral Talc เป็นประจำ

9. สารตะกั่ว (Lead) พบมากในเครื่องสำอางโดยเฉพาะลิปสติก สารตะกั่วจัดเป็นสารอันตรายห้ามใช้ เพราะหากถูกดูดซึมเข้าสู่ร่างกายจะก่อให้เกิดอาการปวดบิดในท้องอย่างรุนแรงโดยไม่ทราบสาเหตุ ทำให้เกิดอาการท้องผูก หรือไม่ก็ถ่ายเป็นเลือดจนอาจมีอาการซีด และหมดแรง เนื่องจากเม็ดเลือดแดงถูกทำลายอย่างรวดเร็ว รวมทั้งลดอัตราการสร้างเม็ดเลือดแดง สารตะกั่วเมื่อมีอยู่ในร่างกายมากจนเกินไปจะทำให้ระบบประสาททั่วร่างกายผิดปกติ ปัจจุบันมีเมคอัพทางเลือกที่จะช่วยให้คุณสวยและลดการสัมผัสารเคมีที่อันตรายนั่นคือ ลิปสติกกลุ่มออร์แกนิก

10. สาร PVP(Polyvinyl Pyrrolidone) สารพบได้ในสเปรย์จัดแต่งทรงผม ใช้ผสมในน้ำยาจัดแต่งทรงผม มูสและเจลใส่ผม สารโซเดียมซัลเฟตเป็นสารที่มีคุณสมบัติเป็นตัวทำละลาย สามารถเข้าสู่ร่างกายได้ทั้งการสูดดม และการซึมเข้าทางผิวหนัง ทำให้เกิดการอุดตันของรูขุมขน ผมร่วง เกิดการแพ้ เป็นสิวอักเสบบริเวณกรอบหน้า แผ่นหลัง หรือบริเวณที่ได้สัมผัส

Road to Non-toxic lifestyle

สารออร์แกนิกทางเลือกใหม่เมื่อต้องหลีกเลี่ยงสารเคมี

สารสกัดจากชะเอมเทศ (Licorice Extract)  มีคุณสมบัติช่วยลดการสร้างเม็ดสีเมลานิน ทำให้ผิวกระจ่างใสขึ้น

สารสกัดจากอัลฟ่าอาร์บูติน (Alpha Arbutin) สารสกัดจากพืชที่มีคุณสมบัติช่วยยับยั้งการสร้างเม็ดสีเมลานิน ทำให้ผิวขาวใสอย่างเป็นธรรมชาติ

สารสกัดจากว่านหางจระเข้ (Aloe Vera Extract) มีคุณสมบัติช่วยลดการอักเสบและระคายเคืองของผิว

สารสกัดจากใบบัวบก (Centella Asiatica Extract) ช่วยลดการอักเสบและสมานแผล ช่วยให้ผิวแข็งแรง

บากูชิล (Bakuchiol) เป็นพืชตระกูลถั่ว มีคุณสมบัติด้าน Antioxidants หรือต้านอนุมูลอิสระ ช่วยลดเลือนสัญญาณผิวแก่ได้ เช่น ริ้วรอย จุดด่างดำ กระชับรูขุมขน ฟื้นบำรุงผิว เสริมคอลลาเจนแก่ผิว และลดปัญหาผิวอักเสบ เป็นต้น จึงทำให้บากูชิลถูกยกย่องให้เป็น “เรตินอลธรรมชาติ” สามารถใช้ทดแทนสกินแคร์กลุ่มเรตินอล หรือวิตามิน A ได้เลย

สารสกัดจากรากหม่อน (Mulberry Root Extract) มีสารสำคัญที่ช่วยยับยั้งการสร้างเม็ดสีเมลานิน ทำให้ผิวขาวขึ้น

สารสกัดจากวิตามินซี (Vitamin C Extract)  เป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่มีคุณสมบัติช่วยให้ผิวกระจ่างใส ลดเลือนจุดด่างดำ

สารสกัดจาก Decyl Glucoside หรือ Coco Glucoside เป็นสารลดแรงตึงผิวที่ได้จากพืช เช่น มะพร้าวหรือข้าวโพด มีความอ่อนโยนต่อผิวมากกว่า

น้ำมันทีทรี (Tea Tree Oil) หรือน้ำมันโรสแมรี่ (Rosemary Oil) มีคุณสมบัติช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อจุลินทรีย์

น้ำมันหอมระเหยจากธรรมชาติ (Natural Essential Oils) : เช่น น้ำมันลาเวนเดอร์ (Lavender Oil) 

น้ำมันกุหลาบ (Rose Oil) ให้กลิ่นหอมและมีคุณสมบัติบำรุงผิว

แป้งข้าวเจ้า (Rice Powder) มีเนื้อสัมผัสเนียนละเอียดและอ่อนโยนต่อผิว

แป้งข้าวโพด (Corn strach) มีเนื้อสัมผัสที่คล้ายคลึงกับทัลคัมแต่มีความปลอดภัยและอ่อนโยนต่อผิวมากกว่า

สารสกัดจากเจลเเมล็ดเเฟลกซ์ (Flax seed gel) สารสกัดนี้กำลังเริ่มเป็นที่นิยมสำหรับจัดเเต่งทรงผมเเบบธรรมชาติ

Road to Non-toxic lifestyle

ชีวิตที่ออร์แกนิก เริ่มต้นได้ง่ายกว่าที่คิด

        การก้าวเข้าสู่เส้นทางสายผลิตภัณฑ์ออร์แกนิกอาจดูเป็นเส้นทางที่ท้าทาย แต่แท้จริงแล้ว สามารถเริ่มต้นได้อย่างค่อย ๆ เป็น ค่อยๆ ไป โดยไม่จำเป็นต้องพลิกผันวิถีชีวิตเพียงในคราวเดียว ลองเริ่มจากการเปลี่ยนผลิตภัณฑ์ที่คุ้นเคยในชีวิตประจำวันก่อน เช่น ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวพรรณ ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดบ้าน หรืออาหารที่บริโภคเป็นประจำ

        เมื่อเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ออร์แกนิก ควรพิถีพิถันในการอ่านฉลากอย่างละเอียดถี่ถ้วน พิจารณาส่วนผสมอย่างรอบคอบ และมองหาตราสัญลักษณ์รับรองออร์แกนิกจากหน่วยงานที่น่าเชื่อถือ นอกจากนี้ ควรเลือกซื้อผลิตภัณฑ์จากแหล่งที่ไว้ใจได้ เช่น ร้านค้าหรือแบรนด์ที่มีชื่อเสียงเป็นที่ยอมรับ"

All About You จุดเริ่มวิถีออร์แกนิกในชีวิตคุณ

        ท่ามกลางกระแสแห่งความตระหนักรู้ด้านสุขภาพและสิ่งแวดล้อมที่แผ่ขยายกว้างขวาง ตลาดผลิตภัณฑ์ออร์แกนิกกำลังก้าวเข้าสู่ยุคทองแห่งการเติบโตอย่างต่อเนื่อง เทคโนโลยีล้ำสมัยเข้ามามีบทบาทสำคัญในการยกระดับประสิทธิภาพของผลิตภัณฑ์ออร์แกนิก ให้ผู้บริโภคสัมผัสได้ถึงการเปลี่ยนแปลงเชิงบวกต่อร่างกายอย่างเป็นรูปธรรม

        All About You เข้าใจลึกซึ้งถึงความท้าทายของการเปลี่ยนแปลงที่ต้องอาศัยถึงความเข้าใจและการเรียนรู้อย่างรอบด้าน การเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ออร์แกนิกไม่ได้เป็นเพียงการเลือกซื้อสินค้าที่มีคุณภาพ แต่เป็นการเลือกวิถีชีวิตที่ยั่งยืนและส่งเสริมสุขภาพที่ดี เป็นการลงทุนเพื่ออนาคตของตนเองและโลกใบนี้ หากท่านกำลังพิจารณาที่จะก้าวสู่เส้นทางนี้ All About You พร้อมเป็นแรงสนับสนุนให้การเปลี่ยนแปลงของท่านเป็นไปอย่างราบรื่นและพร้อมยืนหยัดเคียงข้างท่านด้วยคัดสรรนำเข้าผลิตภัณฑ์ออร์แกนิกเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของทุกท่าน"