"
Acne / Maskne / Bacne แตกต่างกันอย่างไร
คุณเคยได้ยินเหมือนกันไหมว่า สิวเม็ดแรกบนหน้า บ่งบอกว่า “คุณกำลังเป็นวัยรุ่นเต็มตัวแล้ว” และเมื่ออายุของคนเราเพิ่มมากขึ้น การเกิดสิวและความรุนแรงของสิวจะค่อย ๆ ทุเลาเบาบางลง แต่ใครกันล่ะจะยอมปล่อยให้สิวมาคอยกวนใจไม่เลิก เพราะช่วงเวลาหมดปัญหาสิวตามธรรมชาติอาจยาวนานกว่าที่คิด เราจึงต้องดูแลสุขภาพผิวของตัวเองเป็นพิเศษ เพื่อให้ผิวกระจ่างใส ไร้สิว แต่ถึงอย่างนั้นการดูแลรักษาสิวให้สิ้นซากก็อาจทำให้หลายคนท้อได้ หากว่าปัญหาสิวไม่จบแค่บนผิวหน้า แต่ยังลุกลามไปยังส่วนอื่นของร่างกายด้วย
วันนี้ All About You เลยจะพาไปทำความรู้จัก “สิว (Acne)” แบบต่าง ๆ ซึ่งเกิดขึ้นต่างที่ ก็เรียกกันต่างชื่อ ว่ามีความเหมือนหรือแตกต่างกันอย่างไรบ้าง
Acne คืออะไร
Acne (แอคเน่) หรือเรียกอีกอย่างว่า Pimple เป็นชื่อเรียก “สิว” ในภาษาอังกฤษที่ทุกคนคงคุ้นเคยกันดีอยู่แล้ว เพราะคำว่า Acne มักถูกนำมาใช้เป็นชื่อผลิตภัณฑ์ดูแลปัญหาสิวอย่างมหาศาล สิว คือ อาการอักเสบของผิวหนังที่มีลักษณะเป็นตุ่มเม็ดเล็ก ๆ บวมแดง มีหนองหรือก้อนไขมันอยู่ข้างในชั้นผิว บริเวณที่เกิดสิวมักมีการอุดตันของรูขุมขน ที่มาจากไขมันส่วนเกินและเซลล์ผิวที่ตายแล้ว หรือมาจากการติดเชื้อของต่อมไขมันใต้ผิวหนัง รวมถึงการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนในร่างกาย เช่น ช่วงวัยรุ่น ช่วงมีประจำเดือน หรือช่วงที่ร่างกายมีอาการเครียดสะสม พักผ่อนน้อย เป็นต้น
นอกจากนี้ สิวยังมีหลากหลายชนิด และความรุนแรงก็แตกต่างกันออกไป โดยมากจะแบ่งเป็น 2 กลุ่มใหญ่ ๆ คือ สิวอุดตัน (Comedone) เช่น สิวอุดตันหัวปิด (สิวหัวขาว) สิวอุดตันหัวเปิด (สิวหัวดำ) และสิวอักเสบ (Inflammatory acne) เช่น สิวอักเสบ สิวหัวช้าง และสิวหัวหนอง ซึ่งสิวทุกชนิดมักถูกเรียกรวม ๆ อย่างเข้าใจง่ายว่า “Acne” โดยเฉพาะสิวที่เกิดขึ้นบนผิวหน้าของเรานั่นเอง
Maskne คืออะไร
Maskne (แมสก์เน่) คือ ปัญหาสิวใหม่ที่เกิดขึ้นในช่วงระบาดของโรค Covid-19 ถือเป็นสิวในยุค New Normal เลยก็ว่าได้ เพราะเป็นปัญหาสิวที่เกิดขึ้นจากการสวมแมสก์ หรือหน้ากากอนามัย ตามชื่อของเขาเลย Mask + Acne = Maskne มีบทความในต่างประเทศหลายชิ้นเล่าว่า Maskne ส่วนใหญ่เป็นอาการอักเสบของผิวหนังรอบ O-Zone คือบริเวณคาง แก้ม กราม จมูก และรอบปาก ที่เกิดจากการสวมใส่แมสก์ที่เล็กกระชับเป็นเวลานาน ทำให้ผิวบริเวณ O-Zone ถูกกดทับและเสียดสีกับแมสก์จนก่อเกิดการระคายเคือง ยิ่งมีความร้อนและเหงื่อใต้แมสก์ ก็ยิ่งเป็นตัวกระตุ้นให้ผิวบริเวณนั้นเกิดการอุดตันรูขุมขนและเกิดเป็นสิว ที่เรียกว่า Acne mechanica หมายถึง สิวที่เกิดจากแรงกดทับ ความร้อน หรือการเสียดสีเป็นประจำ
นอกจากนั้น ยังมีปัจจัยอื่น ๆ อีกที่ทำให้ปัญหา Maskne ลุกลามได้ง่าย เช่น การแต่งหน้าบนผิวที่ต้องสวมใส่แมสก์ ส่งผลให้ผิวเกิดการอุดตันจากคราบเครื่องสำอางและไม่มีการถ่ายเทอากาศที่ดีพอ ความร้อนและความชื้นจากลมหายใจ อากาศ ที่หมักหมมอยู่ภายในแมสก์ ทำให้เสียสมดุลจุลลินทรีย์บนผิว (Microbiome) เกิดเป็นสิวได้เช่นกัน วิธีดูแลปัญหา Maskne อย่างง่าย อาจเริ่มจากการเลิกใช้แมสก์ที่กระชับ บีบรัดรูปหน้าจนเกินไป ไม่ใช้แมสก์ซ้ำ และควรหาเวลาพักให้ผิวของคุณได้หายใจระหว่างวันบ้าง ไม่ควรกดทบผิวด้วยแมสก์ตลอดเวลา
Bacne คืออะไร
Bace (แบ็คเน่) หรือบ้างก็เรียก Back Acne เป็นชื่อเรียก “สิวที่หลัง” คือสิวที่เกิดขึ้นบริเวณแผ่นหลังเกือบทั้งหมด รวมถึงบริเวณช่วงแขน ไหล่ ก้น สาเหตุการเกิด Bacne เหมือนกันกับสิวบนหน้า คือเกิดจากการอุดตันของสิ่งสกปรกในรูขุมขน และจุลินทรีย์บนผิวเสียสมดุล (Microbiome Dysbiosis) ว่ากันว่าปัญหาสิวหลัง สิวตัว อาจดูแลรักษาได้ยากกว่าสิวบนหน้า ด้วยเหตุที่ผิวบริเวณแผ่นหลังอยู่ภายใต้ร่มผ้า จึงอับชื้นง่าย เกิดการเสียดสีกับเสื้อผ้า ระคายเคืองได้ง่ายกว่า และเป็นส่วนของร่างกายที่เราเข้าถึงการดูแลทำความสะอาดด้วยตนเองได้ยาก ก่อเกิดเป็น Bacne ได้ทั้งชนิดสิวอุดตัน และสิวอักเสบ
สาเหตุการเกิด Bacne
บางคนเชื่อว่าตัวเองดูแลความสะอาดยบนร่างกายดีมาก แต่ทำไมยังมีปัญหาสิวหลัง (Bacne) สิวตัว แก้ไม่หายสักที นั่นเป็นเพราะปัญหา Bacne มีสาเหตุการเกิดที่มาจากปัจจัยภายในและภายนอกร่วมกัน
ปัจจัยภายในร่างกาย
1.การถายทอดทางพันธุกรรมจากคนในครอบครัวมีโอกาสสิวหลังอยู่แล้ว
2.การเปลี่ยนแปลงของระดับฮอร์โมนในร่างกาย เช่น ช่วงวัยรุ่น ช่วงมีประจำเดือน ช่วงที่มีความเครียดมาก ๆ ก็เป็นตัวกระตุ้นให้เกิดสิวหลัง
3.บางคนเหงื่อออกง่าย ชอบออกกำลังกายเป็นประจำ แต่มักมีพฤติกรรมปล่อยคราบเหงื่อไว้บนผิวจนแห้งไปเอง เป็นอีกสาเหตุที่ทำให้รูขุมขนบริเวณผิวหลังเกิดการอุดตัน อักเสบ และเกิดสิว Bacne ดังนั้น เราจึงควรอาบน้ำทันทีหลังออกกำลังกาย หรือหลังทำกิจกรรมที่มีเหงื่อออกมาก
ปัจจัยภายนอกร่างกาย
1.การกินอาหารและเครื่องดื่มที่มีน้ำตาลสูง (High Glycemic) ทำให้เกิดการอักเสบภายในเซลล์ผิวได้ง่าย หรืออาหารที่มีปริมารไขมันสูง นม เนย เป็นอีกสาเหตุที่กระตุ้นให้ร่างกายขับน้ำมันออกจากเซลล์ผิวมากขึ้น กลายเป็นไขมันส่วนเกิน (Sebum) และเกิดเป็นสิว
2.การสวมใส่เสื้อผ้าที่รัดแน่น กระชับตัวเกินไป ระบายอากาศได้ไม่ดี ทำให้ผิวใต้ร่มผ้าเกิดการหมักหมม อับชื้น และเกิดเป็นสิวตามมา
3.ละเลยการผลัดเซลล์ผิวหรือสครับผิว ทำให้เซลล์ผิวที่ตายแล้วตกค้างอยู่บนผิวหนัง และอุดตันรูขุมขน กลายเป็น Bacne ดังนั้น หมั่นสครับหรือขัดผิวเป็นประจำ หรือใช้สบู่ที่มีส่วนผสมของกรดซาลิไซลิก ช่วยเร่งการผลัดเซลล์ผิว ขจัดไขมันส่วนเกินและสิ่งสกปรกออกจากรูขุมขน หรือสบู่ที่มีส่วนผสมของทีทรี (Tea Tree) ชาเขียว (Green Tea) ที่ช่วยยับยั้งเชื้อแบคทีเรียก่อสิว รวมทั้งเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวที่มีค่า pH ที่เหมาะสมกับผิวหนัง เพื่อช่วยรักษาสมดุลจุลินทรีย์บนผิวหนัง เสริมเกราะป้องกันผิวให้แข็งแรงตามธรรมชาติ ผิวของเราก็จะต่อสู้กับเชื้อสิวได้มากขึ้น พร้อมโบกมือลาปัญหา Bacne กวนใจได้แน่นอน
"