ผิวขาดน้ำ เป็นหนึ่งในปัญหาผิวที่หลายคนกังวล เพราะความชุ่มชื้นบนผิวหน้าที่สูญเสียไป มักนำไปสู่ปัญหาผิวอื่น ๆ ตามมาอีกนับไม่ถ้วน เช่น ผิวแห้งกร้าน ผิวอักเสบ ผิวบอบบางแพ้ง่าย ผิวมีริ้วรอย หรือผิวมันเป็นสิว ฯลฯ ดังนั้น เพื่อการฟื้นฟูผิวขาดน้ำให้กลับมาเป็น “ผิวอิ่มน้ำ” อย่างมีประสิทธิภาพ เราจะพาไปทำความรู้จักผิวขาดน้ำให้ดีขึ้น พร้อมคัดสรรสกินแคร์ดูแลผิวขาดน้ำตัวดัง มาฝากเนื้อฝากตัวเป็นผู้ช่วยกู้ผิวขาดน้ำให้ทุกคนด้วยนะคะ
:: ผิวขาดน้ำ คืออะไร ::
ผิวขาดน้ำ (Dehydrated Skin) คือ สภาวะผิวขาดความชุ่มชื้น หรือผิวสูญเสียความชุ่มชื้น เป็นปัญหาผิวแบบหนึ่งที่เกิดขึ้นได้กับทุกคน ทุกสภาพผิว แต่ไม่ใช่ประเภทของผิว (Skin Type) อย่างที่หลายคนเข้าใจ ผิวขาดน้ำเกิดจากการที่เซลล์ผิวมีน้ำหล่อเลี้ยงน้อยเกินไป ซึ่งส่วนมากมาจากปัจจัยภายนอก เช่น การดื่มน้ำไม่เพียงพอ สภาพอากาศเย็นและแห้ง มลภาวะ การล้างหน้าด้วยสกินแคร์ที่ช่วยกำจัดความมันบ่อยครั้งและมากเกินไป หรือในกลุ่มคนที่นิยมดื่มกาแฟ หากร่างกายของเรามีคาเฟอีนในปริมาณมาก ร่างกายจะพยายามขับคาเฟอีนออกมาทางปัสสาวะ จึงทำให้ผิวมีน้ำหล่อเลี้ยงไม่เพียงพอ ก็เป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้ผิวขาดน้ำ สูญเสียคอลลาเจน นำไปสู่ปัญหาผิวอักเสบ เกิดสิวและริ้วรอยได้ง่าย
:: ผิวขาดน้ำสังเกตอย่างไร ::
ไม่ว่าจะเป็นคนผิวมัน ผิวผสม ผิวธรรมดา หรือผิวแห้ง ก็มีโอกาส “ผิวขาดน้ำ” ได้ หากไม่ได้รับการบำรุงและดูแลอย่างถูกวิธี สัญญาณของปัญหาผิวขาดน้ำที่ทุกคนสังเกตเองได้ คือ ผิวหน้าของเราจะมันเยิ้ม มีน้ำมันเคลือบผิวอยู่มาก โดยเฉพาะบริเวณทีโซน (หน้าผาก จมูก และคาง) แต่ถ้าลองใช้หลังมือสัมผัสดูจะรู้สึกได้ว่าผิวแห้งสาก มองเห็นริ้วรอยและรอยแดงได้ชัดเจน ผิวโทรมหมองคล้ำขึ้น ไม่รู้สึกถึงความชุ่มชื้น เพราะเมื่อเซลล์ผิวมีน้ำหล่อเลี้ยงไม่เพียงพอ ร่างกายจะผลิตน้ำมันขึ้นมาทดแทน เพื่อรักษาความชุ่มชื้นของผิวหน้าเอาไว้ ขณะเดียวกัน น้ำมันเหล่านั้นก็จะกลายเป็นความมันส่วนเกินที่อุดตันรูขุมขน เป็นอาหารของเชื้อแบคทีเรีย นำไปสู่ปัญหาสิวด้วย และถ้าเราพยายามขจัดความมันจนหน้าแห้งตึงเกินไป ร่างกายก็จะยิ่งผลิตน้ำมันออกมามากขึ้น เซลล์ผิวอ่อนแอลง ดังนั้น การเติมความชุ่มชื้นให้ผิวจึงเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่ง เพื่อผิวสุขภาพดี อิ่มน้ำ และควบคุมสมดุลความมันอย่างเหมาะสม
:: ผิวแห้ง (ไม่ใช่) ผิวขาดน้ำ ::
หลายคนน่าจะเคยเข้าใจผิดว่า “ผิวแห้งคือผิวขาดน้ำ” แต่จริง ๆ แล้วไม่ใช่เลย เพราะผิวแห้งกับผิวขาดน้ำไม่เหมือนกัน ผิวแห้ง (Dry Skin) คือ “ผิวขาดน้ำมัน” เป็นลักษณะของผิวตามพันธุกรรมที่มีการทำงานของต่อมไขมันน้อย หรือต่อมไขมันบนผิวหน้ามีขนาดเล็กกว่าปกติ ผิวหน้าจึงมีความมันน้อยตาม และมักไม่ค่อยมีสิวอุดตัน หากใครเป็นคนผิวแห้งที่สุขภาพผิวดี จะสังเกตว่าผิวของคุณจะไม่หยาบกร้าน ไม่มีรอยแดงหรือหมองคล้ำ เพียงแต่ความชุ่มชื้นและน้ำมันหล่อเลี้ยงผิวจะน้อย อย่างไรก็ตาม คนผิวแห้งก็เสี่ยงเจอปัญหาผิวขาดน้ำ และสูญเสียความชุ่มชื้นได้ง่ายกว่าผิวประเภทอื่น หากไม่ได้รับการบำรุงที่ดีพอจะส่งผลให้ผิวหน้ายิ่งแห้งกร้าน ลอกเป็นขุย มีอาการระคายเคือง เกิดรอยแดงและริ้วรอยง่ายขึ้น หรือบางคนก็มีลักษณะเป็น “ผิวแห้งแต่มัน” เป็นสัญญาณที่บ่งบอกว่าผิวขาดน้ำหล่อเลี้ยงอย่างมาก ทำให้ร่างกายพยายามผลิตน้ำมันทดแทนออกมาเคลือบผิวเอาไว้ไม่ให้แห้งเกินไปนั่นเอง
:: ผิวขาดน้ำปรนนิบัติอย่างไร ::
การดูแลผิวขาดน้ำให้กลับมาอิ่มน้ำ สุขภาพดี คือการเน้นบำรุงด้วยสกินแคร์ที่ช่วยเติมน้ำให้ผิว รักษาสมดุลความชุ่มชื้นของผิวหน้าให้เพียงพออยู่เสมอ เริ่มตั้งแต่ขั้นตอนทำความสะอาดผิวไปจนถึงขั้นตอนการบำรุง ซึ่งไม่จำเป็นต้องใช้สกินแคร์ที่มีส่วนผสมของน้ำมันเป็นหลักก็ได้ แต่ควรเน้นส่วนผสมที่ให้ความชุ่มชื้นแก่ผิว ช่วยดูดซับและกักเก็บน้ำในผิวได้ดี เช่น มอยเจอร์ไรเซอร์ สารสกัดไฮยาลูรอน สารสกัดว่านหางจระเข้ (Aloe vera) หรือไบซาโบลอล (Bisabolol) เป็นต้น สำหรับใครที่เป็นสายกรีน ชอบส่วนผสมจากธรรมชาติ อาจบำรุงด้วย “น้ำผึ้ง” ก็ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิวได้เหมือนกัน วันนี้ All About You เลยขอแนะนำสกินแคร์ดี ๆ ที่จะมาช่วยปรนนิบัติผิวขาดน้ำ บูสต์ผิวให้อิ่มฟู เนียนนุ่มชุ่มชื่น ครบทั้งรูทีน มาดูกันว่ามีตัวไหนที่น่าสนใจบ้าง
:: STEP 1 คลีนผิว ::
พยายามหลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวหน้าที่มีซัลเฟต (Sulfate) ซึ่งจะทำให้ผิวสูญเสียความชุ่มชื้นได้ง่าย ควรเลือกเป็นคลีนเซอร์ (Cleanser) เนื้อเจล เนื้อออยล์ ที่ช่วยขจัดความมัน แต่ไม่ทำให้ผิวหน้าแห้งตึง และยังช่วยรักษาความชุ่มชื้นให้ผิวได้ดี หรือถ้าใครที่มีปัญหาสิวผด สิวอุดตันร่วมด้วย อาจเลือกใช้คลีนเซอร์ที่มีส่วนผสมของ BHA ปริมาณกรดอ่อน ๆ ช่วยในการผลัดเซลล์ผิวและกำจัดความมันส่วนเกินออกจากรูขุมขน แต่ไม่ควรล้างหน้าบ่อยเกินไป เพราะผิวหน้าจะเกิดภาวะขาดน้ำ อักเสบได้ง่ายเช่นกัน คลีนเซอร์ที่แนะนำคือ The 28 Complete Clear Liquid Foaming Cleanser
โฟมมิ่ง คลีนเซอร์ ของ The 28 มีเนื้อเจลสีเหลืองใส บางเบา ให้ฟองเนียนนุ่ม สามารถขจัดความมันส่วนเกินออกจากรูขุนขนได้อย่างล้ำลึก และอ่อนโยนต่อผิว หลังล้างหน้าแล้วยังรู้สึกถึงความชุ่มชื้น ผิวไม่แห้งตึง เหมาะกับคนที่มีปัญหาผิวขาดน้ำ ผิวมันมีแนวโน้มเป็นสิวง่าย ผิวแห้งกร้าน ระคายเคืองง่าย เพราะตัวนี้มีส่วนผสมของสารทำความสะอาด (Surfactant) ที่ดีต่อผิวบอบบาง รวมทั้งมีสารสกัดช่วยฟื้นฟูผิวจากธรรมชาติกว่า 84% ที่สำคัญของเขาเป็นผลิตภัณฑ์ Sulfate Free ด้วยนะ
:: STEP 2 บูสต์ผิว ::
หลังล้างหน้าเสร็จแล้ว ต้องไม่ลืมบูสต์ผิวด้วยโทนเนอร์หรือเอสเซนส์กันก่อน ควรเลือกโทนเนอร์ที่มีคุณสมบัติช่วยเติมความชุ่มชื้นและรักษาสมดุลน้ำแก่ผิว รวมทั้งช่วยปรับสภาพผิวของเราให้พร้อมสำหรับรับสารบำรุงจากสกินแคร์ตัวอื่น ๆ ในรูทีนถัดไปด้วย สิ่งสำคัญคือ ควรหลีกเลี่ยงโทนเนอร์ที่มีแอลกอฮอลล์ เพราะจะทำให้ผิวหน้าสูญเสียน้ำและสมดุลน้ำมัน เรามีมาแนะนำถึง 3 ตัวให้เลือกใช้กันตามปัญหาผิว
โทนเนอร์สูตรผิวยกกระชับ กู้ผิวโทรม เติมผิวกระจ่างใส ฉ่ำโกลว์ ตัวนี้เขามีส่วนผสมที่ช่วยเติมความชุ่มชื้นแก่ผิวหลายตัวเลย อย่างสารสกัดมอสส์ (Novel Moss) และไฮยาลูรอน 3 โมเลกุล (Triple Molecule Hyaluron) ช่วยให้ผิวอิ่มน้ำและบำรุงผิวให้แข็งแรง สุขภาพดีอย่างล้ำลึก เหมาะกับคนที่มีปัญหาผิวแห้ง ผิวขาดน้ำ ผิวมีริ้วรอย ต้องการโทนเนอร์มาช่วยบูสต์ผิวฉ่ำแบบเร่งด่วน
SKIN1004 Hyalu-Cica Brightening Toner
โทนเนอร์สูตรผลัดเซลล์ผิวเสื่อมสภาพ พร้อมเติมน้ำให้ผิวเนียนนุ่ม ไม่แห้งกร้าน เหมาะกับคนที่ผิวขาดน้ำ ผิวหมองคล้ำและมีริ้วรอย เพราะโทนเนอร์ขวดฟ้าของ Skin1004 เขามีส่วนผสมของไฮยารูลอน 3 ชนิด และสารสกัดใบบัวบก (Cica) 74% ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นและลดการอักเสบของผิวได้ดีเยี่ยม นอกจากนี้ ยังมี Ceramide NP ช่วยลดการสูญเสียน้ำของเซลล์ผิว และเสริมสร้างเกราะป้องกันผิวให้แข็งแรงด้วย ต้องบอกว่าคนผิวแห้งใช้ตัวนี้แล้วยิ่งรักเลย
Mad Hippie Hydrating Nutrient Mist
สเปรย์เอสเซนส์ ใช้ฉีดลงบนฝ่ามือแล้วค่อย ๆ ตบนวดลงไปบนผิวหน้าเบา ๆ เหมือนน้ำตบ อุดมไปด้วยสารบำรุงผิวกว่า 18 ชนิด เช่น Hesperidin สารฟลาโวนอยด์จากธรรมชาติช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระ Sodium Hyaluronate ช่วยกักเก็บความชุ่มชื้น เติมผิวอิ่มฟูไม่แห้งตึง และ White Pine Bark สารสกัดจากเปลือกสน ช่วยให้ผิวชุ่มชื่น ลดรอยแดง เป็นต้น เหมาะกับคนที่ต้องการฟื้นบำรุงผิวแห้งกร้าน ผิวมีรอยแดง ระคายเคืองง่าย ให้กลับมาชุ่มชื้น อิ่มน้ำ เซลล์ผิวแข็งแรงขึ้น แถมยังมีวิตามิน C ช่วยปลอบประโลมผิวที่หยาบและคล้ำเสียจากแดดให้กระจ่างใสด้วย
:: STEP 3 ฟื้นฟูผิว ::
ปรับสภาพผิวพร้อมแล้วก็ถึงเวลาบำรุงด้วยเซรั่ม หรือเอสเซนส์เข้มข้น อีกหนึ่งขั้นตอนที่จะมาช่วยฟื้นฟูปัญหาผิวขาดน้ำได้แบบตรงจุดมากยิ่งขึ้น ใครที่ผิวขาดน้ำมาก ๆ อาจเลือกเซรั่มที่เน้นเติมน้ำให้ผิว อย่างพวกเซรั่มไฮยาฯ ก็จะยิ่งช่วยให้ผิวอิ่มฟู นุ่มเด้งขึ้น ความแห้งกร้านลดลง เรามีมาแนะนำอีก 3 ตัว ตัวไหนโดนใจ เลือกใช้ตัวนั้นได้เลย
The 28 Anti-Darkness Moisturizing White Essence
เอสเซนส์บำรุงผิวที่มีส่วนผสมจากธรรมชาติ นอกจากเน้นฟื้นฟูผิวหมองคล้ำ ลดกระ ฝ้า จุดด่างดำ ปรับผิวให้กระจ่างใสขึ้นแล้ว ยังช่วยเติมความชุ่มชื้นให้ผิวขาดน้ำและแห้งกร้านกลับมาชุ่มชื่นอวบอิ่ม หยุ่นนุ่ม และช่วยลดเลือนริ้วรอยแห่งวัย เหมาะกับคนที่ผิวมีริ้วรอย ผิวคล้ำเสียจากแดด และผิวสูญเสียความชุ่มชื้นได้ง่ายจากการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ
REVOX B77 JUST HYALURONIC ACID 5% : Hydrating Fluid
เซรั่มเนื้อออยล์บางเบา ที่มีส่วนผสมของกรดไฮยาลูโรนิคเข้มข้น 5% สามารถซึมลึกสู่ผิวได้ดี ช่วยเติมความชุ่มชื้นและค่อย ๆ ฟื้นฟูผิวจากภายใน ผิวแห้งกร้านลดลง ช่วยให้ผิวอุ้มน้ำได้มากขึ้น บำรุงเซลล์ผิวให้แข็งแรง ชะลอริ้วรอยแห่งวัย พร้อมผสานคุณค่าจาก Provitamin B5 ช่วยให้ผิวเนียนนุ่ม และกักเก็บความชุ่มชื้นได้ดียิ่งขึ้น เหมาะกับคนที่มีปัญหาผิวแห้งหยาบ ผิวขาดน้ำ หรือผิวลอกเป็นขุยง่าย
SKIN1004 Hyalu-Cica Blue Serum
เซรั่มเนื้อเจลสีฟ้า แบรนด์ดังจากเกาหลี เน้นเติมความชุ่มชื้นแก่ผิวได้ทั้งช่วงกลางวันและกลางคืน ด้วยส่วนผสมสูตรพิเศษ Hyalu-Cica ที่มี Hyaluronic 3 ชนิดผสมสารสกัด Centella Asiatica จึงช่วยเติมน้ำให้ผิวอิ่มฟูและผ่อนคลายผิวไปในตัว เหมาะกับคนผิวแห้ง ผิวแพ้ง่าย และผิวมันที่มีปัญหาผิวขาดน้ำ ต้องการเซรั่มเข้มข้นไปช่วยปรับสมดุลน้ำและความมันบนผิวหน้า นอกจากนี้ บลูเซรั่มของ SKIN1004 ยังมีส่วนผสมของ Ceramide NP ช่วยลดการสูญเสียน้ำของเซลล์ผิว เสริมเกราะป้องกันผิว และ Niacinamide & Adenosine ช่วยปรับผิวให้กระจ่างใสเรียบเนียนขึ้น
:: STEP 4 บำรุงผิว ::
ขั้นตอนสำคัญที่สุดของการฟื้นฟูผิวขาดน้ำ คือ บำรุงผิวด้วยการทามอยเจอร์ไรเซอร์เป็นประจำ (ขาดไม่ได้) เพื่อช่วยให้ผิวนุ่มชุ่มชื่น ลดความแห้งกร้าน ต้านริ้วรอย พร้อมทั้งช่วยล็อคความชุ่มชื้นให้เซลล์ผิวได้นานยิ่งขึ้น เมื่อผิวอิ่มน้ำและมีความชุ่มชื้นมากเพียงพอก็จะลดการผลิตน้ำมันส่วนเกิน (Sebum) ช่วยให้รูขุมขนกระชับยิ่งขึ้น และลดโอกาสเกิดสิวอุดตันจากสิ่งสกปรก สกินแคร์ตัวหนึ่งที่แนะนำให้ใช้เป็น Everyday Moisturizer ได้เลย คือ The 28 Bio Active Water Seal
ไบโอ แอคทีฟ วอเตอร์ ซีล จากแบรนด์ The 28 มีส่วนผสม Hyaluronate, Aloe vera และ Chamomile water ช่วยล็อคความชุ่มชื้นแก่ผิวได้ยาวนานถึง 72 ชั่วโมง สามารถใช้ทาปลอบประโลมผิวได้ทั้งช่วงเช้าและก่อนนอน เติมน้ำให้ผิวอิ่มฟูได้ทันที และช่วยปรับสมดุลความมัน ผิวนุ่มเด้ง ไม่แห้งตึง ผสานคุณค่าสารไวเทนนิ่งธรรมชาติสกัดจากต้น Candeia ช่วยทำให้ผิวกระจ่างใสขึ้นด้วย ขอบอกว่าตัวนี้เป็นมอยเจอร์ไรเซอร์เนื้อเจลบางเบาที่ทาง่าย ซึมผิวดีมาก ถ้าใช้ต่อเนื่องแบบยาว ๆ จะช่วยฟื้นฟูผิวขาดน้ำให้กลับมาอิ่มน้ำ ฉ่ำโกลว์ เซลล์ผิวแข็งแรงยิ่งขึ้น